มีคำถามเข้ามาเยอะครับว่า การตั้งเป้าหมายให้ง่ายต่อการประสบความสำเร็จทางการเงิน ต้องทำยังไง❓
.
🎯เป้าหมายทางการเงินที่ดี (รวมถึงด้านอื่นๆด้วย) ควรจะมีความชัดเจนมากพอ ที่จะทำให้เราเห็นภาพรวมและสามารถประเมินได้ว่า สิ่งที่ตั้งใจจะทำให้สำเร็จนั้น จะเป็นไปได้หรือเปล่า ตั้งแต่เริ่มลงมือทำ
.
หลักการตั้งเป้าหมายที่จะช่วยพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น ก็คือ หลักการตั้งเป้าหมายที่เรียกว่า “SMART” ครับ
.
ซึ่งตัวอักษร S.M.A.R.T นั้นย่อมาจากองค์ประกอบในการตั้งเป้าหมาย 5 ข้อ
.
S = Specific / มีความชัดเจน เฉพาะเจาะจง
M = Measurable / ต้องวัดผลได้
A = Attainable / ต้องบรรลุผลได้ เป็นไปได้
R = Realistic / ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
T = Timely / กำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน
.
ลองดูการตั้งเป้าหมายใน 2 ลักษณะนี้ดูครับ ว่าเป้าหมายแบบไหน ที่ชัดเจนต่อการลงมือทำให้ประสบความสำเร็จมากกว่ากัน
.
ตัวอย่างที่ 1: นายเอ ตั้งเป้าหมายเก็บเงินเรียนต่อ (S) 300,000 บาท (M)
.
ตัวอย่างที่ 2: นายบี ต้องการเงินเก็บเงิน 300,000 บาท (M) เพื่อเรียนต่อ (S) ในอีก 3 ปีข้างหน้า (T) โดยการเก็บเงินเดือนละ 10,000 บาท นำไปลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้เป็นประจำทุกเดือน เป็นระยะเวลา 36 เดือน (A, R)
.
เห็นชัดเจนเลยใช่มั้ยครับ ว่าตัวอย่างที่ 2 มีแผนการบรรลุเป้าหมายที่ชัดเจนกว่าเยอะเลย หรืออย่างกรณีของการจัดการหนี้ เราก็สามารถตั้งเป้าหมายแบบ SMART ได้เช่นกัน
.
แทนที่เราจะตั้งเป้าหมายว่า “เคลียร์หนี้บัตรเครดิต (S) ให้เป็นศูนย์ (M) ภายในปีนี้ (T)” ก็อาจปรับเป้าหมายให้มีแผนการลงมือทำระบุไว้ชัดเจนขึ้นอีกนิด
.
“เคลียร์หนี้บัตรเครดิตธนาคาร A 80,000 บาท (S) ให้กลายเป็นศูนย์ (M) โดยการหยุดใช้ และชำระคืนเดือนละ 7,500 บาท (A, R) เป็นระยะเวลา 12 เดือน (T)”
.
[จริงๆ เคสนี้ ถ้าดอกเบี้ยบัตรเครดิต 18% ต่อปี จ่ายเดือนละ 7,335 บาทก็พอ แต่ปัดเป็นตัวเลขง่ายๆ ในการผ่อนชำระเลยใช้ 7,500 บาทเลย]
.
พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับว่า การตั้งเป้าหมายที่ระบุครบทั้ง S-M-A-R-T หรือเป้าหมายที่ระบุแผนการชัดเจนนั้น ช่วยให้เราเห็นภาพในการลงมือทำได้ง่ายขึ้นแค่ไหน
.
ถ้าตอนนี้ใครกำลังที่จะตั้งเป้าหมายการเงินให้ตัวเอง ลองเอาหลักการ SMART ไปใช้กับเป้าหมายของตัวเองดูนะครับ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ บรรลุทุกเป้าหมายการเงินที่ตั้งใจเอาไว้ครับพ้มมม
#TheMoneyCoachTH